ลาทีปีม้า...สุขหรรษา..รับปีมะแม...
วันเวลาผ่าไป..ไวเหมือนโกหก...ไม่ว่าจะปีเก่าหรือปีใหม่...หรือปีไหนๆ...วันเวลาก็ไม่เคยคอยใคร...ปีนี้ผ่านไป...ปีใหม่ก็ผ่านเข้ามา...เป็นธรรมดาของโลก...เพราะกาลเวลาย่อมกลืนกินทุกสรรพสิ่ง....แม้กระทั้งตัวของกาลเวลาเอง
ทะว่า..ปีนี้ก็ย่างเข้าปีที่ ๒๙ แล้ว...อายุมากขึ้น..อะไรหลายๆอย่างก็มากตามมา...หลายครั้งก็นั่งครุ่นคิดพิจารณาอยู่เสมอว่า..ชีวิตนี้เราเกิดมาทำไม..และเรากำลังจะดิ้นรนไปเพื่ออะไร???...หลายคนคงคิดอยู่ในใจ..และมีคำตอบสำหรับคำถามนี้ไว้แล้วในใจ
ไม่ว่าจะเทศกาลไหน...ไล่ตั้งแต่..ปีใหม่...สงกรานต์...เข้าพรรษา...ออกพรรษา...แทบไม่มีโอกาสที่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน(สถานที่เคยอาศัยตอนเด็กๆและบวชเป็นสามเณร) เหตุเพราะมีอะไรหลายๆอย่างให้ทำให้จัดการ...ทุกครั้งที่ทำอะไรไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่โดยเฉพาะในที่ๆเราได้อยู่ได้อาศัย..โดยเฉพาะรู้คุณข้าวแดงแกงร้อนที่ญาติโยมได้อุปถัมภ์อุปัฎฐาก...รวมถึงครูบาอาจารย์ที่ให้โอกาส...ได้ทำในหลายๆเรื่อง.....
เคยมีคนถามว่า...จะทำไปทำไม..ทำแล้วได้อะไร...งานเล็กๆน้อยๆ....ต้องทำงานใหญ่สิถึงจะท้าทาย..งานเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ปล่อยให้รูปอื่นทำ...สำหรับผมแล้วไม่ว่างานจะเล็กหรือใหญ่ใจต้องมาก่อนและทุกครั้ง..ความตั้งใจมาเป็นที่หนึ่งแม้ว่าจะเป็นงานที่เล็กหรือน้อย...ผมทำด้วยความตั้งใจมาโดยตลอด...และต้องกราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่เป็นส่วนหนึ่งแห่งความสำเร็จ....ถือเป็นความภูมิใจเล็กๆที่หลายท่านอาจมองว่าก็แค่นั้น..แต่สำหรับผมๆมองว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องที่สำคัญและเราควรให้ความสำคัญ...อย่าเห็นว่าธุระไม่ใช่.....เราบวชมาก็เพื่อลดละ.....เป็นผู้ให้....เพราะยิ่งให้ยิ่งเบา..ยิ่งเอายิ่งหนัก...การอุทิศตนเพื่อสาธารณะและพระพุทธศาสนา....ถือเป็นเป้าหมายที่เราควรทำ...
วันนี้เราเดินทางมาก็ถือว่าไกลพอควร...แล้วเรายังจะหวลกลับหรือไม่...ให้ใจเป็นผู้ตอบ...สำหรับกระผมเองปีนี้ถือเป็นปีที่ต้องครุ่นคิดเป็นอย่างมากว่าจะเอายังไงกับชีวิตที่เหลืออยู่...พูดอย่างนี้ไม่ใช่จะคิดสั้นหรือย่อท้อต่ออะไรนะครับ...แต่กำลังพิจารณาเห็นว่า..เมื่อถึงเวลาใครก็ช่วยเราไม่ได้...เรานี้แหละที่จะต้องทำ..ด้วยความมุ่งมั่นและอดทนอย่างมาก...กว่าปีเก่าหรือหลายเท่าที่เคยทำมา
คุณค่าของคนใกล้ชิด...กลัยาณมิตรที่เราเองก็เลือกเองไม่ได้
ไม่มีงานเลี้ยงใด..ที่จะไม่เลิกลา...หลายครั้งที่เรามีความรู้สึกผูกพันฉันพี่น้อง...กับหลายๆคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต..มากบ้าง...น้อยบ้าง...บางครั้งบางทีเราก็ปฎิบัติกับคนเหล่านั้นด้วยท่าทีที่ต่างกันไป...หากมาพินิจพิจารณาดูดีๆแล้ว...ทุกคนที่เราได้รู้จักต่างเป็นกัลยาณมิตร..ชี้ถูก..ชี้ผิด..ว่ากล่าวตักเตือนด้วยความเป็นห่วงเป็นใย...ขอให้เวลาที่อยู่ด้วยกัน..ได้ร่วมงานกัน...จงเป็นเวลาที่ดีที่สุดและปฎิบัติต่อกันด้วยเมตตาเถิด...โกรธเคืองกันบ้าง...ก็เพราะเรายังมีโลภะ..โทสะ..และโมหะ..อยู่เมื่อรู้และได้สติกลับมาจงทำในสิ่งที่ดีมีน้ำใจต่อกัน...เพราะเมื่อเราจากลากันไป..จะย้อนเวลากลับมาแก้ไขเรื่องราวต่างๆได้ยาก...จงเห็นคุณค่าของคนใกล้ชิด...กลัยาณมิตรที่เรากระทำแต่สิ่งที่ดีต่อกันได้....เราจะไม่เสียดายเลยว่าครั้งหนึ่งเราเคยรู้จักกัน....
สายน้ำเปลี่ยนใจปลา...กาลเวลาเปลี่ยนใจคน
บางทีการมองโลกในแง่ดีเกินไปก็ทำให้เราต้องพบและประสบกับเรื่องราวที่เราเองก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น...คนที่เราไว้ใจที่สุด...คือคนที่อันตรายที่สุด...ประโยคนี้เคยแต่ได้ยินได้ฟังมา..กรณีศึกษาพี่ฆ่าน้อง...น้องฆ่าพี่ก็มีให้เห็นเป็นข่าวใหญ่โต...สุภาษิตคำพังเคยที่ว่า ...ไม่ฆ่าน้อง..ไม่ฟ้องนาย...ไม่ขายเพื่อน...คงใช้ได้บ้างในบางโอกาส....ไม่รู้ว่าคนเราทุกวันนี้...ยังจะมีอีกหรือไม่กับประโยคที่ว่า...คนดี...ปีใหม่นี้ก็อยากจะให้เรากลับหวนมาตระหนักถึงหน้าที่ที่ต้องทำ..และอย่าไว่ใจใครมากไปกว่าตัวเราเอง...เพราะอะไรก็เปลี่ยนแปลงไป...ตามกาลเวลาดัง..วลีที่ว่า...สายน้ำเปลี่ยนใจปลา...กาลเวลาเปลี่ยนใจคน
คิดจะทำการใหญ่...ต้องใจหนักแน่น
ไม่มีอะไรที่จะสำเร็จได้...ด้วยการอ้อนวอนขอจากเทพเจ้า...หากเรามีความมุมานะ..พากเพียร...อดทน..โดยไม่ย่อท้อต่อความลำบาก...สิ่งที่ว่ายากๆก็สำเร็จได้....ปลูกต้นไม้วันนี้ใช่ว่าจะผลิดอกออกผลในวันรุ่งขึ้น...เรื่องบางเรื่องต้องใช้เวลา...ไม่ว่าจะทำอะไร...เรื่องเล็กหรือใหญ่...ใจต้องเข้มแข็ง....และหนักแน่นไม่หวั่นไหวต่อคำนินทาหรือสรรเสริญ....อย่าท้อถอย...เพราะคนท้อมักจะไม่แท้...และคนที่แท้มักจะไม่ท้อ....และที่สำคัญ...เราควรฝึกฝนและพัฒนาตนเองให้ยิ่งยวดโดยเริ่มต้นจากความมั่นคงทางด้านอารมณ์และจิตใจ..เพราะคิดจะทำการใหญ่ต้องใจหนักแน่น
ชีวิตเป็นของเรา...เราเป็นคนเลือก..เราเป็นคนตัดสินใจ
เราจะไปบังคับคนทั้งโลกให้คิดและเป็นดั่งใจที่เราปราถนาคงเป็นการยาก...เพราะคนแต่ละคนก็มีความปราถนาที่แตกต่างกันไป...เอาละการเขียนความในใจ...ตามที่ใจมันอยากจะพูด...คงจะไม่ทำให้ใครเสียหาย...ในมุมผู้เขียนๆไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร...เพราะเราไม่ใช่นักเขียนระดับซีไรต์......สิ่งใดก็ตามหากเราเป็นคนเลือกด้วยตนเอง...และลงมือกระทำลงไป...ไม่ว่าผลของการกระทำนั้นจะเป็นเช่นไร..ดีเยี่ยม..หรือยอดแย่...สำเร็จ..หรือไม่สำเร็จ..หยุดโทษตัวเอง...หยุดโทษคนอื่น...ขอให้เราจงมีสติและเรียนรู้กับการกระทำนั้นให้มาก...เก็บทุกรายละเอียด...จงภูมิใจและยอมรับกับทุกสิ่งอย่างที่จะเกิดขึ้น..เพราะชีวิตเป็นของเรา...เราเป็นคนเลือก..เราเป็นคนตัดสินใจ
หยุดคิดผลัดวัน..ประกันพรุ้ง
คิดได้..ทำทันที...อย่าผลัดวันประกันพรุ้ง...หลายครั้งหลายที่ที่เราขี้เกียจ..ผลัดวันประกันพรุ้ง...แทนที่การงานจะสำเร็จ...กลับล่าช้าและพอกพูนเป็นดินพอกหางหมู...หยุดขี้เกียจ..เลิกคิดแบบผลัดวันกระกันพรุ้งหรือมักง่าย..ทำแบบง่ายๆ..สุดท้ายมักจะได้ยากเสมอ...เลิกเสียทีนิสสัยแบบนี้..ให้เราคิดเสมอว่า..เรากำลังทำงานแข่งกับมัจจุราช..เมื่อใดเมื่อมัจจุราชตามทัน...เมื่อนั้นก็ถือว่าจบเกมส์...
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน
ณ...เวลานี้เราอาจจะยังตอบโจทย์ของทุกอย่างไม่ได้หรอกนะว่าทุกอย่างมันคืออะไร...แต่ทุกการกระทำ..ทุกคำพูด..ทุกพันธะสัญญาที่เราให้ไว้..เราจงมุ่งมั่นและจะรับทั้งผิดและชอบต่อเรื่องราวที่เราเป็นคนก่อขึ้น..วันนี้เรามีความตั้งใจดี..และจงทำดีต่อไป..ผิดเป็นครู..อย่าคิดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น..อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด....คนที่ไม่เคยผิดพลาด...คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย...ดังนั้น...ทุกคนต่างมีเป้าหมาย..จงเดินหน้าต่อไปแม้หนทางจะอีกยาวไกล....ไปให้ถึงที่สุด..วันนี้..พรุ้งนี้ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง...ขอให้เราตั้งใจและทำอย่างเต็มที่..ทำอย่างดีที่สุด....
ปีใหม่...คิดใหม่...ทำใหม่...ตั้งใจใหม่...ไม่มีอะไรสาย...ลาทีปีม้า..สุขหรรษา..ปีมะแม...ไม่มีข้อแม้ตั้งแต่เริ่มต้น...เกิดเป็นคนควรจะพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จ..เป็นกำลังใจให้กับทุกรูป..ทุกท่าน..ทุกคน..นะครับ...ชีวิตยังไม่สิ้น..ก็ต้องดิ้นกันต่อไปครับ...ปล่อยว่างกับทุกเรื่องราว...เข้าใจกับทุกเหตุการณ์....ขอให้พบพานแต่สิ่งที่ดีๆๆอยู่ให้มีชัย..ไปขอให้มีโชค...ไร้โรคภัยเบียดเบียน...สาธุๆๆ
สวัสดีปีใหม่...๒๕๕๘